สโมสรฟุตบอลเชลซี ประวัติของทีม chelsea หรือสิงห์บลูแห่งลอนดอน

สโมสรฟุตบอลเชลซี

สโมสรฟุตบอลเชลซี ถือเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพที่ก่อตั้งครั้งแรกในปี ค.ศ. 1905 ซึ่งได้ตั้งอยู่ในเขตฟูแล่มฝั่งตะวันตกในลอนดอน โดยได้เข้าร่วมลีกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ที่เป็นลีกสูงสุดของฟุตบอลในอังกฤษ รวมถึงได้มีสนามเป็นของตัวเองอย่าง สแตมฟอร์ดบริดจ์ นับว่าเป็นอีกหนึ่งทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมาก ในอังกฤษและการแข่งขันในประเทศนั้น chelsea ได้ชนะลีกสูงสุดมากถึง 6 สมัย รวมถึงชนะฟุตบอลลีกสูงสุดสมัยแรกในปี ค.ศ. 1955

การชนะเอฟเอคัพครั้งแรกในช่วง ค.ศ. 1970 ชนะถ้วยยุโรปครั้งแรกในการแข่งขัน ยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพ ภายในช่วงปี ค.ศ. 1971 ในเวลาต่อมาทางสโมสรฟุตบอลเชลซี ได้เข้าสู่ยุคตกต่ำอีกครั้งในช่วงสิบปี ก่อนจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งภายในปี ค.ศ. 1990 รวมถึงได้มีการเข้ามาบริหารทีมของ โรมัน อับราโมวิช เรียกว่าเป็นช่วงที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จมากที่สุด ในระหว่างปี ค.ศ. 2003-2022 ซึ่งสามารถคว้าถ้วยรางวัลมาได้ 21 รายการ

การครองถ้วยจากการแข่งขันรายการดัง อย่างเช่น ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก , ยูฟ่ายูโรปาลีก , ยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพ อีกทั้งยังเป็นเพียงสโมสรเดียวที่ชนะการแข่งขัน สามรายการที่ได้แชมป์มาสองสมัยติดต่อกัน รวมไปถึงเป็นสโมสรเดียวในกรุงลอนดอน ที่ได้ชนะการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ยูฟ่าซูเปอร์คัพและฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก นอกจากนี้ทาง สโมสรฟุตบอลเชลซี ได้ซื้อสนามกรีฑาสแตมฟอร์ดบริดจ์ในปี ค.ศ. 1904

โดยตั้งใจไว้ว่าจะเปลี่ยนเป็นสนามฟุตบอล รวมถึงได้ยื่นข้อเสนอให้กับทางฟูแล่ม แต่ถูกปฏิเสธและทำให้เมียร์สก่อตั้งสโมสรของตัวเอง เนื่องจากมีทีมฟุตบอลชื่อฟูแล่มอยู่ในลอนดอนแล้ว จึงได้มีการใช้ชื่อ สโมสรเชลซี ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดกัน โดยสโมสรนี้ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1905 ทำให้สโมสรได้รับเลือกเข้าสู่ฟุตบอลลีก หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีผู้จัดการทีมคนแรกคือ จอห์น รอเบิร์ตสัน ที่ได้คุมสโมสรฟุตบอลเชลซี ในฐานะของผู้เล่นและผู้จัดการทีม

การเลื่อนชั้นไปแข่งลีกสูงสุดในฤดูกาลที่สองแต่ทีมยังคงมีผลงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รวมทั้งสลับเลื่อนชั้นและตกชั้นบ่อยครั้ง ในช่วงปีแรกพวกเขาผ่านเข้ารอบชิงเอฟเอคัพ 1915 ที่ได้อยู่ในช่วงยุคของอดีตนักบอลสกอตแลนด์อย่าง เดวิด คัลเดอร์เฮด แต่ก็ต้องพ่ายให้กับทาง เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด จบอันดับสามในดิวิชันหนึ่งภายในปี ค.ศ. 1920 ซึ่งถือเป็นการจบอันดับในลีกดีที่สุดในขณะนั้น โดยสิ่งที่ทำให้ สโมสรฟุตบอลเชลซี ได้มีชื่อเสียงจากการคว้านักเตะดาวรุ่ง นอกจากนี้พวกเขายังเข้ารอบรองชนะเอฟเอคัพในปี 1920 และ 1932

ซึ่งได้ีการเล่นอยู่ในลีกสูงสุดตลอดช่วงปี 1930 ด้วยการคุมทีมของ เลสลี ไนตัน แต่ผลงานยังไม่ค่อยเป็นที่พึงพอใจนัก ส่วนมากมักจะจบด้วยอันดับกลางและท้ายตาราง จึงทำให้ผู้รับช่วงต่อมาเป็น โค้ชเชลซี ภายใต้การคุมทีมของนักบอลชาวสกอตแลนด์อย่าง บิลลี บีเรลล์ ที่ได้มาเป็นผู้จัดการทีมในช่วงปี ค.ศ. 1939-1952 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในรายการสำคัญ รวมไปถึงยังประสบปัญหาหลายอย่าง จนสุดท้ายพวกเขาทำได้แค่ชนะฟุตบอลถ้วยการกุศล (War Cup) 2 สมัยเท่านั้น

สโมสรฟุตบอลเชลซี

ประวัติ ทีมฟุตบอล สิงโตน้ำเงินคราม ยุคตกต่ำของ สโมสรฟุตบอลเชลซี

ประวัติ ทีมฟุตบอล โดยความสำเร็จเริ่มแรกของสโมสรในช่วงปี ค.ศ. 1952-1970 หลังจากการเข้ามาของ เท็ด เดรก อดีตกองหน้าอาร์เซนอลและทีมชาติอังกฤษ ที่รับตำแหน่งคุมทีมในช่วงปี 1952 พร้อมทั้งได้ปรับสโมสรให้ทันสมัยขึ้น ด้วยการโละทีมงานเก่าออกทั้งหมด รวมถึงได้ปรับทีมเยาวชนและซ้อมอย่างจริงจังมากขึ้น ในเวลาเดียวกันทาง สโมสรฟุตบอลเชลซี ได้มีการซื้อดาวเตะเข้ามามากมาย จนกระทั่งพวกเขาสามารถได้รับถ้วยแรก

ในประวัติศาสตร์ช่วงฤดูกาล 1954-1955 ซึ่งในความเป็นจริงสิงห์บลูจะเป็นทีมแรก ของอังกฤษที่ได้ไปแข่งขันระดับสโมสรยุโรป แต่ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษห้ามไว้ ด้วยสถานการณ์ในประเทศที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซึ่งผู้จัดการทีมอย่าง เดรกได้ถูกปลดจากตำแหน่งในช่วงปี 1961 โดยการรับตำแหน่งผู้จัดการต่อของ ทอมมี ดอเคอร์ตี ที่ได้เข้ามาในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีม ถือเป็นอีกครั้งที่ได้มีการปรับปรุงระบบใหม่ของ สโมสรฟุตบอลเชลซี เขาได้ปล่อยนักเตะเก่าและซื้อนักเตะใหม่

เข้ามาแทนที่มากมายและหนึ่งในนั้นคือ ปีเตอร์ ออสกู๊ด อีกหนึ่งตำนานของสโมสรนี้ ซึ่งในเวลาเดียวกันพวกเขาก็คว้าแชมป์ลีกคัพ มาได้ในช่วงฤดูกาลปี 1964-65 สามารถเอาชนะทีมเลสเตอร์ซิตี้ที่ตอนนั้น มีผู้รักษาประตูชื่อดังอย่าง กอร์ดอน แบงส์ ด้วยผลคะแนนรวมสองนัด 3-2 ในเวลาต่อมาทางเดฟ เช็กตัน ได้เข้ามาแทนที่และสานต่อก่อนจะคว้า แชมป์เอฟเอคัพ 1970 ทำให้ในปีต่อมาพวกเขาก็คว้าแชมป์ถ้วยยุโรป ได้เป็นครั้งแรกในรายการ ยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพ

หลังจากช่วงปี 1970 เป็นต้นมาก็ทำให้ทาง สโมสรฟุตบอลเชลซี เข้าสู่ยุคตกต่ำเมื่อต้องขายผู้เล่นหลายราย ซึ่งในขณะเดียวกันก็มีการเปลี่ยน ผู้จัดการทีมเชลซี หลายคน แต่ก็ยังทำผลงานออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ทีมอยู่ท้ายตารางและย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายในช่วงปี ค.ศ. 1982 เคน เบตส์ ได้เข้ามาซื้อสโมสรด้วยเงินหนึ่งล้านปอนด์ รวมไปถึงมีการปรับปรุงสนามให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นอย่างที่คิด ก่อนที่จะเลื่อนชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 1988-89

โดยไม่ตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกเลยนับจากนั้น ต่อมาหลังจากยุคตกต่ำก็ได้มีการซื้อตัว นักเตะเชลซี ใหม่เข้ามาเพิ่มหลายคน รวมถึงได้เข้าชิงเอฟเอคัพฤดูกาลปี 1993-94 ด้วยฝีมือการคุมทีมสิงห์บลูของ เกลนน์ ฮอดเดิล แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ให้กับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งในเวลาต่อมาทาง สโมสรฟุตบอลเชลซี ก็ได้ผู้คุมทีมคนใหม่อย่าง รืด คึลลิต ในช่วงปี 1996 พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 1997 ที่เอาชนะมิดเดิลส์เบรอไปได้ 2-0 รวมไปถึงยังคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพ

เนื่องจากสามารถเอาชนะชตุทการ์ทไปได้ 1-0 ตามมาด้วยแชมป์ยูฟ่าซูเปอร์คัพเอาชนะ เรอัล มาดริด 1-0 ก่อนจะไปคว้าแชมป์เอฟเอคัพในปี 2000 หลังจากคว้าชัยในการชนะแอสตันวิลลา 1-0 พร้อมกับการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียส์ลีกครั้งแรก ที่ทำให้ทางสโมสรฟุตบอลเชลซี ต้องตกรอบ 8 ทีมไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งในฤดูกาลถัดมาได้ถูกแทนที่ด้วย เกลาดีโอ รานีเอรี ซึ่งพาทีมได้รับชัยชนะเอฟเอคัพอีกครั้งในปี 2002 ถึงแม้ว่าจะแพ้อาร์เซนอลไป 0-2

ประวัติทีมเชลซี ภายใต้การบริหาร เจ้าของทีมใหม่ในยุค โรมัน อับราโมวิช

ประวัติทีมเชลซี ยุคของโรมัน อับราโมวิช ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากเคนเบตส์ได้ขายสโมสร ให้กับทางเจ้าของใหม่ที่เป็นมหาเศรษฐีชาวรัสเซียในราคา 140 ล้านปอนด์ พร้อมทั้งได้ทุ่มทุนซื้อนักเตะชื่อดังมากมาย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ของสโมสรและช่วยยกระดับทีมให้ไปสู่ระดับโลก หลังจากนั้นทาง สโมสรฟุตบอลเชลซี ได้ปลดผู้จัดการ เคลาดิโอ รานิเอรี่ พร้อมกับแทนที่ด้วย โชเซ มูรีนโย โดยเป็นอีกหนึ่งผู้คุมทีมที่นำความสำเร็จมาให้สโมสร

ตามรายงานของสื่อ doofootballonlinefree66.com ได้กล่าวว่าหลังจากการคว้าแชมป์รายการพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลช่วงปี 2004-05 รวมถึงยังเป็นครั้งแรกที่สโมสรได้แชมป์ลีก ในขณะเดียวกันทางสโมสรฟุตบอลเชลซี ยังสามารถเอาชนะลิเวอร์พูล มาได้ในการแข่งนัดชิงชนะลีกคัพไป 3-2 โดยได้ป้องกันแชมป์ลีกอีกครั้งในปีถัดมา เรียกว่าเป็นสโมสรที่ห้าในอังกฤษที่ครองแชมป์ 2 สมัยติดต่อกันนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมาภายในฤดูกาล 2006-07 สิงโตน้ำเงินครามยังได้แชมป์ฟุตบอลถ้วย

สองรายการทั้งเอฟเอคัพและลีกคัพแต่ผู้คุมทีมอย่างมูรีนโย ได้ถูกปลดในฤดูกาลต่อมาจากเหตุที่มีปัญหากับผู้บริหาร ทำให้มีการเข้ามาคุมทีมต่อของ อัฟราม แกรนท์ ซึ่งได้มีโอกาสพาทีมเข้าชิงยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกแต่แพ้จุดโทษให้กับทาแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่ยังคว้ารองแชมป์อีกสองรายการมาได้ ทั้งในพรีเมียร์ลีกและลีกคัพ ต่อมาในช่วงฤดูกาล 2008-09 การเข้ามาคุมสโมสรฟุตบอลเชลซี ก่อนจะถูกปลดตำแหน่งของ ลูอิส เฟลีปี สโกลารี

หลังจากนั้นทาง คืส ฮิดดิงก์ ได้เข้ามาเป็น ผู้จัดการเชลซี ชั่วคราว โดยได้พาทีมเข้ารอบรองชนะยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ต้องพ่ายแพ้ให้กับทางบาร์เซโลน่าไป ซึ่งได้จบอันดับสามในลีกและคว้าแชมป์เอฟเอคัพ ในการแข่งขันพร้อมเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-1 ในฤดูกาลต่อมาทางสโมสรฟุตบอลเชลซี ก็ได้ผู้จัดการทีมอย่าง การ์โล อันเชลอตตี เข้ามานำทัพสิงห์บลูในช่วงปี 2009-10 ประเดิมด้วยการชนะจุดโทษกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในการแข่งขัน เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์

ก่อนจะสร้างสถิตินำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยการยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์มากถึง 103 ประตู รวมถึงได้ป้องกันแชมป์เอฟเอคัพได้ โดยการชนะพอร์ตสมัท 1-0 ต่อมาในช่วงของฤดูกาลปี 2010-11 เชลซีก็ได้แพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในเอฟเอคอมมิวนิตีซีลด์ไป 1-3 ซึ่งภายหลัง อันเชลอตตี ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งไปและในฤดูกาล 2013-14 การกลับมาคุมทีมอีกครั้งของ ผู้จัดการทีมเชลซีคนเก่า โชเซ มูรีนโย ถึงจะไม่ได้แชมป์ในช่วงปีแรกแต่ในปีต่อมา เขาก็ได้พาสโมสรฟุตบอลเชลซี คว้าดับเบิลแชมป์ถึงสองรายการ

ทั้งลีกคัพรวมไปถึงพรีเมียร์ลีกและในฤดูกาล 2015-16 ก็ยังทำผลงานได้ไม่ดีหลังจากแพ้ อาร์เซนอล 0-1 พร้อมทั้งมีผลงานย่ำแย่จนทำให้ มูรีนโย ถูกปลดและการมาคุมทีมชั่วคราวอีกครั้งของ คืส ฮิดดิงก์ โดยทำได้แค่เพียงอันดับ 10 จนสุดท้ายในฤดูกาลช่วงปี 2016-17 อันโตนีโอ คอนเต้ เข้ามาคุมทีมและทำให้ สโมสรฟุตบอลเชลซี เก็บชัยชนะต่อเนื่องไปได้ 13 นัดรวด ซึ่งถือว่าเป็น สถิติเชลซี ที่ดีที่สุดในหลายช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้และทำสถิติแชมป์ที่ชนะ 30 นัดในลีก